~ 60 ปี เพื่อประชาราษฎร์ ~
เธซเธเนเธฒ 1 เธเธฒเธ 1
~ 60 ปี เพื่อประชาราษฎร์ ~
60 ปี เพื่อประชาราษฎร์
...การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิด ทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้...
พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย 25 กรกฎาคม 2506
หนึ่งในบุคคลที่ถวายการรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาอย่างต่อเนื่องและยาวนานที่สุด อีกท่านหนึ่งคือ แก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ตามเสด็จฯไปศึกษาที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วยตั้งแต่ อายุ 18 ปี แม้ขณะนี้ท่านเลขาธิการพระราชวังจะมีอายุย่างเข้า 78 ปีแล้ว แต่ก็ยังถวายการรับใช้พระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด
คุณแก้วขวัญเล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ผมได้มีโอกาสตามเสด็จฯไปสวิตฯตอนอายุ 18 ปี และพระองค์ท่านก็โปรดเกล้าฯให้เรียนหนังสือที่สวิตฯ ได้อาศัยอยู่ในพระตำหนักวิลล่าวัฒนา คือเราก็ไปในฐานะที่เป็นมหาดเล็ก มีอะไรก็ต้องช่วยทำ เพราะที่เมืองนอกเขาไม่มีคนรับใช้เหมือนอย่างบ้านเรา ทุกอย่างต้องช่วยเหลือตัวเอง ยิ่งเจ้านายท่าน ทรงเอาเราไปเลี้ยง หาโรงเรียนให้ด้วย เราก็ยิ่งต้องมีน้ำใจ ขยันหมั่นเพียร อะไรที่ช่วยทำได้ก็ต้องช่วย
ระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสวิตฯ คุณแก้วขวัญเล่าว่า ใครที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดหรือถวายการรับใช้อย่างตนคงรู้สึกเช่นกันว่า ชื่นใจจริงๆ ทำไมเจ้านายจึงทรงถ่อมพระองค์ยิ่งนัก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ พระองค์จะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง เมื่อถึงเวลาก็ทรงล้างรถด้วยพระองค์เอง โดยไม่ทรงเรียกให้ใครมาช่วยเลย เราเห็นพระองค์ท่านทรงล้างรถของพระองค์เอง ก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปถวายการรับใช้ สิ่งต่างๆที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำด้วยพระองค์เอง คุณแก้วขวัญกล่าวอย่างซาบซึ้งว่า เรายิ่งรัก ยิ่งเคารพท่านมากขึ้น ทรงเป็นเจ้านายที่มีน้ำใจเหลือเกิน ท่านทรงใช้วิธีการสอนที่ว่า คนเราต้องมีน้ำใจซึ่งกันและกัน
คุณแก้วขวัญกล่าวอีกด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่างที่ประเสริฐที่สุด ไม่มีใครเป็นอย่างพระองค์ท่านได้ อย่างน้อยที่สุดการจะกริ้วให้เห็นนั้นไม่มีเลย ไม่รู้ว่าท่านทรงอดทนได้อย่างไร มีแต่ทรงพระเมตตา ปรานี ไม่เคยมีรับสั่งให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจเลย ทรงเป็นเจ้านายที่ประเสริฐสุด การได้ถวายการรับใช้พระองค์ท่าน เปรียบเสมือนการรับใช้เทวดา ดังนั้น สิ่งใดที่สามารถถวายการรับใช้ได้ คุณแก้วขวัญจึงไม่รอช้าที่จะทำถวายอย่างสุดชีวิต และทุกวันนี้ที่ตนมีพละกำลังในการทำงาน ก็เพราะน้ำพระราชหฤทัยอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงปกแผ่มาสู่ตน ดั่งบุคคลหนึ่งที่ได้อาศัยอยู่ใต้ร่มชายคาของพระองค์ท่าน ...
จาก นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 5 มิถุนายน 2549
...การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิด ทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้...
พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย 25 กรกฎาคม 2506
หนึ่งในบุคคลที่ถวายการรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาอย่างต่อเนื่องและยาวนานที่สุด อีกท่านหนึ่งคือ แก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ตามเสด็จฯไปศึกษาที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วยตั้งแต่ อายุ 18 ปี แม้ขณะนี้ท่านเลขาธิการพระราชวังจะมีอายุย่างเข้า 78 ปีแล้ว แต่ก็ยังถวายการรับใช้พระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด
คุณแก้วขวัญเล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ผมได้มีโอกาสตามเสด็จฯไปสวิตฯตอนอายุ 18 ปี และพระองค์ท่านก็โปรดเกล้าฯให้เรียนหนังสือที่สวิตฯ ได้อาศัยอยู่ในพระตำหนักวิลล่าวัฒนา คือเราก็ไปในฐานะที่เป็นมหาดเล็ก มีอะไรก็ต้องช่วยทำ เพราะที่เมืองนอกเขาไม่มีคนรับใช้เหมือนอย่างบ้านเรา ทุกอย่างต้องช่วยเหลือตัวเอง ยิ่งเจ้านายท่าน ทรงเอาเราไปเลี้ยง หาโรงเรียนให้ด้วย เราก็ยิ่งต้องมีน้ำใจ ขยันหมั่นเพียร อะไรที่ช่วยทำได้ก็ต้องช่วย
ระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสวิตฯ คุณแก้วขวัญเล่าว่า ใครที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดหรือถวายการรับใช้อย่างตนคงรู้สึกเช่นกันว่า ชื่นใจจริงๆ ทำไมเจ้านายจึงทรงถ่อมพระองค์ยิ่งนัก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ พระองค์จะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง เมื่อถึงเวลาก็ทรงล้างรถด้วยพระองค์เอง โดยไม่ทรงเรียกให้ใครมาช่วยเลย เราเห็นพระองค์ท่านทรงล้างรถของพระองค์เอง ก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปถวายการรับใช้ สิ่งต่างๆที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำด้วยพระองค์เอง คุณแก้วขวัญกล่าวอย่างซาบซึ้งว่า เรายิ่งรัก ยิ่งเคารพท่านมากขึ้น ทรงเป็นเจ้านายที่มีน้ำใจเหลือเกิน ท่านทรงใช้วิธีการสอนที่ว่า คนเราต้องมีน้ำใจซึ่งกันและกัน
คุณแก้วขวัญกล่าวอีกด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่างที่ประเสริฐที่สุด ไม่มีใครเป็นอย่างพระองค์ท่านได้ อย่างน้อยที่สุดการจะกริ้วให้เห็นนั้นไม่มีเลย ไม่รู้ว่าท่านทรงอดทนได้อย่างไร มีแต่ทรงพระเมตตา ปรานี ไม่เคยมีรับสั่งให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจเลย ทรงเป็นเจ้านายที่ประเสริฐสุด การได้ถวายการรับใช้พระองค์ท่าน เปรียบเสมือนการรับใช้เทวดา ดังนั้น สิ่งใดที่สามารถถวายการรับใช้ได้ คุณแก้วขวัญจึงไม่รอช้าที่จะทำถวายอย่างสุดชีวิต และทุกวันนี้ที่ตนมีพละกำลังในการทำงาน ก็เพราะน้ำพระราชหฤทัยอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงปกแผ่มาสู่ตน ดั่งบุคคลหนึ่งที่ได้อาศัยอยู่ใต้ร่มชายคาของพระองค์ท่าน ...
จาก นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 5 มิถุนายน 2549
ภาณุวัฒน์- เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 9
Registration date : 17/06/2008
เธซเธเนเธฒ 1 เธเธฒเธ 1
Permissions in this forum:
เธเธธเธเนเธกเนเธชเธฒเธกเธฒเธฃเธเธเธดเธกเธเนเธเธญเธ