เกษตรฯสนองพระราชดำริฯบูรณาการธนาคารโค-กระบือ..
เธซเธเนเธฒ 1 เธเธฒเธ 1
เกษตรฯสนองพระราชดำริฯบูรณาการธนาคารโค-กระบือ..
กระทรวงเกษตรฯ สนองพระราชดำริ บูรณาการหน่วยงานดำเนินโครงการธนาคารโค-กระบือ ช่วย เหลือเกษตรกรมีโค-กระบือไว้ใช้แรงงานและเพิ่มผลผลิต หวังแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีมอบโคและสัญญายืมโค จำนวน 272 ตัว ของโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ให้แก่เกษตรกรจำนวน 272 ราย ณ บริเวณบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ จ.สุพรรณบุรี ว่า โครงการธนาคารโคกระบือฯ เป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ ได้รับพระราชทานให้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2522 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้มีโคกระบือ ไว้ใช้แรงงาน และเพิ่มผลผลิต ขณะนี้มีเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือแล้วกว่า 129,000 ราย และมีเกษตรกรอยู่ในทะเบียนสัตว์ของโครงการกว่า 74,000 ราย
นายสมพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันโครงการธนาคารโค กระบือฯ ยังถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งในการดำเนินโครงการดังกล่าว นอกจากกรมปศุสัตว์จะเป็นหน่วยหลักแล้ว ยังมีการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานในพื้นที่ เช่น การคัดเลือกเกษตรกรในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเข้าร่วมโครงการ การได้รับความร่วมมือจากพัฒนาที่ดินจังหวัดในการให้ความรู้ในเรื่องการใช้ประโยชน์จากปุ๋ยคอกที่ได้จากมูลโคกระบือ รวมทั้งการบูรณาการกับท้องถิ่นเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม
จากสภาวการณ์ปัจจุบันที่น้ำมันเชื้อเพลิงและปุ๋ยเคมีมีราคาแพง ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากธนาคารโค-กระบือฯ นั้น ส่งผลโดยตรงกับเกษตรกรที่ยากจน ช่วยให้เกษตรกรสามารถมีปัจจัยการผลิตเป็นของตนเอง ไม่ต้องเสียค่าเช่าแรงงานโค-กระบือ ในอัตราสูง ซึ่งการใช้แรงงานสัตว์ก็เป็นการเลือกใช้พลังงานจากธรรมชาติแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังได้มูลสัตว์สำหรับนำไปปรับปรุงบำรุงดิน ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายให้แก่เกษตรกร และยังช่วยสนองนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริด้วย นายสมพัฒน์ กล่าว
นายศักดิ์ชัย ศรีบุญชื่อ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า สำหรับโคที่มอบให้เกษตรกรนั้น กรมปศุสัตว์จะทำสัญญายืมเพื่อการผลิตตามระเบียบของธนาคารโคกระบือฯ โดยมีเงื่อนไขว่าเมื่อลูกโคตัวแรกมีอายุครบ 2 ปี ให้ส่งลูกโคคืนโครงการธนาคารโคกระบือฯ และเมื่อสัญญาครบ 5 ปี จะยกแม่โคพร้อมลูกโคตัวถัดไป ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรผู้ยืม แต่ถ้าเกษตรกรยืมโคไปแล้ว 3 ปี ไม่มีลูกเกิด หากตรวจสอบแล้วว่าเกษตรกรผู้ยืมไม่เอาใจใส่ดูแล ธนาคารโคกระบือฯ จะรับโคดังกล่าวคืน และนำไปให้ความช่วยเหลือเกษตรกรรายใหม่ แต่หากพบความบกพร่องที่ตัวสัตว์ธนาคารโคกระบือฯ จะนำสัตว์ตัวใหม่มาเปลี่ยนให้เกษตรกร สำหรับลูกโคตัวแรกที่ธนาคารโคกระบือฯ รับคืนมา จะนำไปให้ความช่วยเหลือ เกษตรกรรายใหม่ในชุมชนนั้น ๆ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของโครงการต่อไป
นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีมอบโคและสัญญายืมโค จำนวน 272 ตัว ของโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ให้แก่เกษตรกรจำนวน 272 ราย ณ บริเวณบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ จ.สุพรรณบุรี ว่า โครงการธนาคารโคกระบือฯ เป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ ได้รับพระราชทานให้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2522 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้มีโคกระบือ ไว้ใช้แรงงาน และเพิ่มผลผลิต ขณะนี้มีเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือแล้วกว่า 129,000 ราย และมีเกษตรกรอยู่ในทะเบียนสัตว์ของโครงการกว่า 74,000 ราย
นายสมพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันโครงการธนาคารโค กระบือฯ ยังถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งในการดำเนินโครงการดังกล่าว นอกจากกรมปศุสัตว์จะเป็นหน่วยหลักแล้ว ยังมีการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานในพื้นที่ เช่น การคัดเลือกเกษตรกรในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเข้าร่วมโครงการ การได้รับความร่วมมือจากพัฒนาที่ดินจังหวัดในการให้ความรู้ในเรื่องการใช้ประโยชน์จากปุ๋ยคอกที่ได้จากมูลโคกระบือ รวมทั้งการบูรณาการกับท้องถิ่นเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม
จากสภาวการณ์ปัจจุบันที่น้ำมันเชื้อเพลิงและปุ๋ยเคมีมีราคาแพง ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากธนาคารโค-กระบือฯ นั้น ส่งผลโดยตรงกับเกษตรกรที่ยากจน ช่วยให้เกษตรกรสามารถมีปัจจัยการผลิตเป็นของตนเอง ไม่ต้องเสียค่าเช่าแรงงานโค-กระบือ ในอัตราสูง ซึ่งการใช้แรงงานสัตว์ก็เป็นการเลือกใช้พลังงานจากธรรมชาติแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังได้มูลสัตว์สำหรับนำไปปรับปรุงบำรุงดิน ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายให้แก่เกษตรกร และยังช่วยสนองนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริด้วย นายสมพัฒน์ กล่าว
นายศักดิ์ชัย ศรีบุญชื่อ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า สำหรับโคที่มอบให้เกษตรกรนั้น กรมปศุสัตว์จะทำสัญญายืมเพื่อการผลิตตามระเบียบของธนาคารโคกระบือฯ โดยมีเงื่อนไขว่าเมื่อลูกโคตัวแรกมีอายุครบ 2 ปี ให้ส่งลูกโคคืนโครงการธนาคารโคกระบือฯ และเมื่อสัญญาครบ 5 ปี จะยกแม่โคพร้อมลูกโคตัวถัดไป ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรผู้ยืม แต่ถ้าเกษตรกรยืมโคไปแล้ว 3 ปี ไม่มีลูกเกิด หากตรวจสอบแล้วว่าเกษตรกรผู้ยืมไม่เอาใจใส่ดูแล ธนาคารโคกระบือฯ จะรับโคดังกล่าวคืน และนำไปให้ความช่วยเหลือเกษตรกรรายใหม่ แต่หากพบความบกพร่องที่ตัวสัตว์ธนาคารโคกระบือฯ จะนำสัตว์ตัวใหม่มาเปลี่ยนให้เกษตรกร สำหรับลูกโคตัวแรกที่ธนาคารโคกระบือฯ รับคืนมา จะนำไปให้ความช่วยเหลือ เกษตรกรรายใหม่ในชุมชนนั้น ๆ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของโครงการต่อไป
หม่อม- เธเธณเธเธงเธเธเนเธญเธเธงเธฒเธก : 2
Registration date : 10/06/2008
Similar topics
» ???วง????าช?าน??าน????ุธ??
» ?รง??รพ???าช???????็จพ??เทพ? เทค?ิค?? ??็กก??.??วน
» ?รง??รพ???าช???ิพ?้นท?????????-???ิน????????
» ?รง??รพ???าช???? ?????วง ???อค????ุข ?อง?วง??ะช?
» ???่งข?????????วกับ?รง??รพ???าช????
» ?รง??รพ???าช???????็จพ??เทพ? เทค?ิค?? ??็กก??.??วน
» ?รง??รพ???าช???ิพ?้นท?????????-???ิน????????
» ?รง??รพ???าช???? ?????วง ???อค????ุข ?อง?วง??ะช?
» ???่งข?????????วกับ?รง??รพ???าช????
เธซเธเนเธฒ 1 เธเธฒเธ 1
Permissions in this forum:
เธเธธเธเนเธกเนเธชเธฒเธกเธฒเธฃเธเธเธดเธกเธเนเธเธญเธ